บทที่2 การวิเคราะห์ทางการเงิน (Financial Analysis)

บทที่2

การวิเคราะห์ทางการเงิน

(Financial Analysis)

            การวิเคราะห์ทางการเงินจะแสดงให้เห็นเหตุการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตและเป็นแนวทางที่จะแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มทางการเงินในอนาคตของกิจการเพื่อช่วยในการตัดสินใจ  ดังนั้นการวิเคราะห์ทางการเงินจะทำให้กิจการทราบถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของกิจการเพื่อใช้ในการวางแผนและควบคุมทางการเงินของกิจการอย่างมีประสิทธิภาพ

            ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับผลการดำเนินงานของธุรกิจ จะให้ความสนใจเกี่ยวกับข้อมูลทางการเงินของกิจการ ซึ่งข้อมูลที่สำคัญได้แก่ งบดุล งบกำไรขาดทุน งบกำไรสะสม ผู้ที่ให้ความสนใจข้อมูลทางด้านการเงินของกิจการ สามารถแบ่งได้ดังนี้คือ

            1. เจ้าหนี้ของกิจการ   เจ้าหนี้ของกิจการจะแบ่งตามระยะเวลาการชำระหนี้ เช่น เจ้าหนี้ระยะสั้น เจ้าหนี้ระยะยาว เจ้าหนี้เป็นผู้ให้ธุรกิจผู้ยืมเงินดังนั้นเจ้าหนี้จะให้ความสนใจทำการวิเคราะห์ทางการเงินของกิจการในอันที่จะทราบถึงความสามารถในการชำระหนี้สิน ความต้องการเงินทุนที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ลักษณะที่มาและใช้ไปของเงินทุนของธุรกิจและความสามารถในการหากำไรเพื่อเจ้าหนี้จะได้แน่ใจว่ากิจการจะสามารถนำเงินมาชำระหนี้ทั้งเงินต้นและกำไรได้ตามกำหนด

            2. ฝ่ายบริหารหรือฝ่ายจัดการของธุรกิจ ผู้บริหารทางด้านการเงินจะให้ความสนใจกับข้อมูลทางด้านการเงินในแง่ที่ว่า บริหารอย่างไรจึงจะสร้างความมั่นคงสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยธุรกิจมีกำไรต่อหุ้นสูงขึ้น ทั้งนี้ธุรกิจจะต้องมีสภาพคล่องหรือความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินมีประสอทธิภาพ ก่อหนี้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อกิจการ ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อสร้างความพอใจให้แก่เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นของกิจการ

            3. ผู้ลงทุน หรือผู้ถือหุ้น หมายถึง ผู้ที่มีความสนใจถือหุ้นในกิจการเพื่อมีส่วนร่วมในการบริหารธุรกิจ สิ่งที่ผู้ลงทุนหรือผู้ถือหุ้นต้องการจากการลงทุนคือ ผลตอบแทนดังนั้นจึงต้องการทราบข้อมูลดังต่อไปนี้

3.1 สมรรถภาพในการหากำไร  ธุรกิจมีกำไรมากน้อยเพียงใด

3.2 นโยบายการจ่ายเงินปันผล หรือผลตอบแทนจากการลงทุน เช่นถ้ากิจการมีกำไรจะจ่ายเงินปันผลหรือไม่และจ่ายเป็นจำนวนเท่าใด

3.3 ความเสี่ยงภัยในการลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งกิจการทำการลงทุนคุ้มหรือไม่

4. ผู้สอบบัญชี   เนื่องจากผู้สอบบัญชีจะต้องรับรองงบการเงินของธุรกิจ โดยเสนอความคิดเห็นที่ถูกต้องจากข้อมูลทางการเงิน ดังนั้นผู้สอบบัญชีจึงต้องวิเคราะห์งบการเงินเพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้นในการเสนอความคิดหรือรับรองงบการเงินนั้น

5. บุคคลอื่น ๆ   เช่น นักลงทุนใหม่ อาจจะประเมินผลการดำเนินธุรกิจนั้น ๆ ในการตัดสินใจว่าควรลงทุนหรือไม่ หรือกลุ่มผลประโยชน์อื่น ๆ เช่นสหภาพแรงงาน   รัฐบาลเป็นต้น

เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางการเงิน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางการเงิน แบ่งเป็น 4  ประเภท คือ

1.     การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน

2.     การวิเคราะห์แนวโน้ม

3.     การวิเคราะห์โดยการย่อส่วน

4.     งบแสดงการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงิน

ในบทนี้จะกล่าวถึงเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางการเงิน 3 ประเภทแรก ส่วนงบแสดงการเปลี่ยนแปลงฐานะทางการเงินจะกล่าวในบทที่ 3 ต่อไป

      1.การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน 

          ในการวิเคราะห์เพื่อประเมินฐานะทางการเงินของธุรกิจจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือที่เรียกว่า  อัตราส่วน หรือเลขดัชนี โดยนำข้อมูลทางการเงินมาเปรียบเทียบกันและตีความหมายฐานะทางการเงินและดำเนินงานจากอัตราส่วน

ชนิดของสัดส่วนทางการเงิน สามารถแยกวิเคราะห์ได้ 4 ประเภท ดังนี้

1.1                                                         อัตราส่วนสภาพคล่องหรือความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น (Liquidity Ratio)

1.2                                                         อัตราส่วน สภาพหนี้สิน ( Debt or Leverage Ratio)

1.3                                                         อัตราส่วนวัดความสามารถการหากำไร (Profitability Ratio)

1.4                                                         อัตราส่วนวัดความสามารถในการชำระหนี้ (Coverage Ratio)

ตัวอย่าง  บริษัท ศิริพัฒนา จำกัด มีงบการเงินปี 2540  ดังต่อไปนี้

บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด

งบดุล

ณ วันที่ 31  ธันวาคม 2540

สินทรัพย์

สินทรัพย์หมุนเวียน :                                                                           บาท

เงินสด                                                                  20,000

หลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด                         300,000

ลูกหนี้                                                                400,000

สินค้าคงเหลือ                                                      680,000                       1,400,000

ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์(สุทธิ)                                                                               2,400,000

รวมสินทรัพย์                                                                                                        3,800,000

หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

หนี้สินหมุนเวียน :

            เจ้าหนี้การค้า                                                       240,000

            เงินเบิกเกินบัญชี                                                     80,000

            ตั๋วเงินสด                                                                          80,000

            ภาษีเงินได้ค้างจ่าย                                                 200,000

                                                                                    600,000

หนี้สินระยะยาว:

            เงินกู้ระยะยาว                                                       100,000                       700,000

ส่วนของผู้ถือหุ้น:

            หุ้นสามัญ 10,000 หุ้น @ 200 บาท                                2,000,000

            กำไรสะสม                                                      1,100,000                        3,100,000       

รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น                                                                                3,800,000

หมายเหตุ   ณ  วันที่ 1 มกราคม 2540

-                    ลูกหนี้  150,000  บาท

-                    สินค้าคงเหลือ  280,000  บาท

บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด

งบกำไรขาดทุน

สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31  ธันวาคม 2540

                                                                   บาท

ขาย                                                                                                       6,200,000

ต้นทุนขาย                                                                                               4,500,000

กำไรขั้นต้น                                                                                              1,700,000

หัก        ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน                           500,000

            ค่าใช้จ่ายในการขาย                                   830,000

            ค่าใช้จ่ายในการบริหาร                                                                   1,330,000       

กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี                                                                        370,000

หัก  ดอกเบี้ยจ่าย                                                                                           70,000

กำไรก่อนหักภาษี                                                                                        300,000

หัก  ภาษีเงินได้ 30 %                                                                                   90,000

กำไรสุทธิ                                                                                                              210,000

หมายเหตุ

            ยอดขายจำนวน 6,200,000  บาท เป็นการขายเงินสด 200,000  บาท ขายเงินเชื่อ  6,000,000  บาท

1.1         อัตราส่วนสภาพคล่องหรือความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น(Liquidity Ratio)

อัตราส่วนสภาพคล่องหรือความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น คือ การพิจารราถึงความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน  กิจการใดมีสินทรัพย์หมุนเวียนสูงกว่าหนี้สินหมุนแล้วจะเป็นสิ่งให้เห็นว่า กิจการมีความสามารถชำระหนี้ระยะสั้นเมื่อครบกำหนดเวลา  อัตราส่วนที่ใช้ในการวิเคราะห์สภาพคล่องได้แก่

1.1.1                        อัตราส่วนทุนหมุนเวียน (Current Ratio)  คือ อัตราส่วนทุนหมุนเวียนต่อหนี้สินหมุนเวียน ผลลัพธ์ออกมาถ้าได้จำนวนเท่าสูง แสดงว่าธุรกิจมีสินทรัพย์หมุนเวียนที่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดได้มากกว่าหนี้สินระยะสั้นที่ธุรกิจจะต้องชำระหนี้ 

สำหรับตัวอย่างของ บริษัท ศิริพัฒนา  จำกัด อัตราส่วนทุนหมุนเวียนเป็นดังนี้

 Current Ratio  =    สินทรัพย์หมุนเวียน   = ………เท่า

                                    หนี้สินหมุนเวียน

                                    แทนค่า  =       1,400,000               =  2.33  เท่า

                                                          600,000

ถ้าอัตราส่วนเฉลี่ยอุตสาหกรรม   =  2.50   เท่า 

            จากการคำนวณพบว่า  บริษัท ศิริพัฒนา  จำกัด มีค่าของ Current Ratio  เท่ากับ  2.33 เท่า ซึ่งหมายถึงว่า บริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่คาดว่าจะสามารถใช้ชำระหนี้สินหมุนเวียนเป็น 2.33  เท่า  เมื่อเปรียบเทียบอัตราส่วนของอุตสาหกรรมจะพบว่าต่ำกว่า  ซึ่งหมายถึงว่าบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนน้อยกว่ากิจการทั่ว ๆไปในอุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน

            อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าอัตราส่วนของบริษัทจะสูง หรือต่ำกว่าอัตราส่วนเฉลี่ยของอุตสาหกรรมก็ตาม บริษัทอาจมีการบริหารงานเกี่ยวกับสภาพคล่องดีก็ได้ แต่ถ้ามีความแตกต่างกันมากจะเป็นสิ่งบอกให้ผู้วิเคราะห์ต้องระมัดระวังและสนใจที่จะค้นหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

           1.1.2อัตราส่วนทุนหมุนเวียนสภาพคล่องสูง (Quick or Acid –Test Ratio)  คือ อัตราส่วนสินทรัพย์หมุนเวียนที่มีสภาพคล่องสูง (ซึ่งได้แก่ สินทรัพย์หมุนเวียนหักด้วยสินค้าคงเหลือและค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า) ต่อหนี้สินหมุนเวียน ผลลัพธ์ออกมาถ้าได้จำนวนเท่าสูง แสดงว่าธุรกิจมีสินทรัพย์หมุนเวียนสภาพคล่องสูงที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้มากกว่าหนี้สินระยะสั้นที่ธุรกิจจะต้องชำระหนี้

      สำหรับตัวอย่างของ  บริษัทศิริพัฒนา  จำกัด อัตราส่วนทุนหมุนเวียนสภาพคล่องสูงเป็นดังนี้

                       

Quick  Ratio =   สินทรัพย์หมุนเวียน – (สินค้าคงเหลือ+ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า) =…เท่า

                                                  หนี้สินหมุนเวียน

แทนค่า       =   1,400,000  -  680,000   =   1.20  เท่า

                                              600,000

            ถ้าอัตราส่วนเฉลี่ยของอุตสาหกรรม   = 1.30    เท่า

            จากการคำนวณพบว่า  บริษัท ศิริพัฒนา  จำกัด มีค่า  Quick  Ratio เท่ากับ 1.20  เท่า ซึ่งมีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าอุตสาหกรรมเล็กน้อยแสดงว่าสภาพคล่องของบริษัทอยู่ในฐานะใกล้เคียงกับธุรกิจอื่น ๆ ทั่วไปในอุตสาหกรรมเดียวกันและเมื่อหนี้สินหมุนเวียนถึงกำหนดชำระหนี้ก็สามารถใช้สินทรัพย์หมุนเวียนที่มีสภาพคล่องสูง  ซึ่งยกเว้นสินค้าคงเหลือและค่าใช้จ่ายล่วงหน้ามาชำระหนี้ได้ทันทีด้วย

            อัตราส่วนนี้จะมีความหมายเหมือนกับ  Quick  Ratio  แต่แสดงการวัดสภาพคล่องได้ดีกว่า

            1.1.3 อัตราส่วนการหมุนเวียนของลูกหนี้  ( Receivable Turnover Ratio) เป็นอัตราส่วนระหว่าง  ยอดขายเชื่อกับยอดลูกหนี้  ผลลัพธ์จะบอกให้ทราบถึงว่าในงวดที่ทำการวิเคราะห์นั้นธุรกิจได้ขายสินค้าเป็นเงินเชื่อและสามารถเรียกเก็บหนี้จากลูกหนี้ได้กี่ครั้ง  ถ้าอัตราส่วนมีค่าสูงแสดงว่างวดบัญชีนั้นมีการหมุนเวียนของลูกหนี้ดี  หรือลูกหนี้มีสภาพคล่องดีนั้นเอง

 สำหรับตัวอย่างของ  บริษัทศิริพัฒนา  จำกัด อัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้เป็นดังนี้

                                    Receivable Turnover   =          ขายเชื่อ          =  .........ครั้ง

                                                                     ลูกหนี้ถัวเฉลี่ย

                                                            แทนค่า =      6,000,000

                                                                        150,000 + 400,000

                                                                                    2

                                                                        =   21.81  ครั้ง

            ถ้าอัตราส่วนเฉลี่ยอุตสาหกรรม         =    18   ครั้ง

หมายเหตุ

                                                                                                                               

  ลูกหนี้ถัวเฉลี่ย     =  ลูกหนี้ต้นปี + ลูกหนี้ปลายปี

                                                                                    2

            จากการคำนวณพบว่า  บริษัท ศิริพัฒนา  จำกัด มีอัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้  21.81  ครั้ง  เมื่อเปรียบเทียบอัตราส่วนเฉลี่ยของอุตสาหกรรมโดยทั่วไปที่มีลักษณะเหมือนกัน บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด มีการหมุนเวียนของลูกหนี้บ่อยครั้งกว่า  ซึ่งเป็นการแสดงถึงบริษัทสามารถเก็บหนี้ได้เร็วกว่า  หรือมีสภาพคล่องมากกว่า

            1.1.4  อัตราส่วนการเรียกเก็บหนี้เฉลี่ย ( Average  Collection Period Ratio) คือ อัตราส่วนระหว่างจำนวนวันในงวดที่ทำการวิเคราะห์กับ อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้ ผลลัพธ์จะบอกให้ทราบว่า  การหมุนเวียนชองลูกหนี้ 1  ครั้ง (เริ่มตั้งแต่ขายสินค้าเป็นเงินเชื่อจนกระทั่งเก็บหนี้ได้) ใช้เวลานานเท่าใด อัตราส่วนนี้ยิ่งมีค่าน้อยแสดงว่าลูกหนี้มีสภาพคล่องสูง

            สำหรับตัวอย่างของ  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด อัตราส่วนการเรียกเก็บหนี้เฉลี่ยเป็นดังนี้ 

            Average  Collection Period Ratio  =   จำนวนวันใน 1 ปี                      = ……..วัน

                                                                        อัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้

                                    แทนค่า                         =    360

                                                                             21.81

                                                                        =  16.50 วัน

            ถ้าอัตราส่วนเฉลี่ยของอุตสาหกรรม   =    25   วัน

            จากการคำนวณพบว่า   บริษัท ศิริพัฒนา  จำกัด  เมื่อขายสินค้าเป็นเงินเชื่อและเก็บหนี้ได้ใช้เวลา  16.50  วัน  ขณะที่ธุรกิจทั่ว ๆ ไปในอุตสาหกรรมเดียวกันใช้เวลาถึง  25  วัน  จึงสรุปได้ว่า ลูกหนี้ของบริษัทศิริพัฒนา  จำกัด  มีสภาพคล่องดีกว่าธุรกิจทั่ว ๆไปที่มีลักษณะเหมือนกัน

            หมายเหตุ   

                                    จำนวนวันใน 1 ปี  =   360  วัน ในการคำนวณ

           

            1.1.5 การเรียงลำดับอายุลูกหนี้ (Aging of Accounts)  คือ การจัดจำแนกอายุลูกหนี้ออกตามระยะเวลาในใบแจ้งหนี้ หรืออายุที่ลูกหนี้ถึงกำหนดชำระ และคำนวณอัตราส่วนร้อยละของลูกหนี้ที่จำแนกตามระยะเวลานั้น ๆ เช่น

            สำหรับตัวอย่างของ  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด  มีการจำแนกอายุลูกหนี้เป็นดังนี้

อายุลูกหนี้(วัน)                            กำหนดชำระ (เดือน)                     ร้อยละของมูลค่าลูกหนี้

   0 – 30                                               ธันวาคม                         60

  31 – 60                                               พฤศจิกายน                                 25

  61 – 90                                               ตุลาคม                                       10

  มากกว่า 90                                           กันยายน และก่อนนั้น                       5

                                                                        รวม                               100

            การจำแนกอายุลูกหนี้จะบอกให้ทราบว่ามีลูกหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระหนี้  โดยแบ่งเป็นกลุ่มอย่างไรบ้าง  หากกิจการมีลูกหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระหนี้เร็วมีจำนวนมากแสดงว่าลูกหนี้มีสภาพคล่องสูง  อย่างไรก็ตามควรดูเงื่อนไขการชำระหนี้ประกอบด้วย

            จากการจำแนกอายุลูกหนี้ของบริษัทศิริพัฒนา  จำกัด ลูกหนี้ที่สามารถเก็บหนี้ได้ภายใน 30  วัน มีจำนวน 60%  ,  31 – 61  วันมีจำนวน 25 %  ,  61  - 90  วัน มีจำนวน 10% และเกินกว่า 90  วัน  มีจำนวน 5 %  แสดงว่าลูกหนี้ของบริษัทมีสภาพคล่องพอสมควร

            1.1.6  สภาพคล่องของสินค้าคงเหลือ ( Liquidity of Inventory)

            การวิเคราะห์สภาพคล่องของสินค้าคงเหลือสามารถดูได้จากอัตราส่วนการหมุนเวียนของสินค้าเป็นการเปรียบเทียบระหว่างต้นทุนสินค้าขายกับยอดเฉลี่ยของสินค้า  อัตราส่วนนี้จะบอกให้ทราบว่าสินค้าคงเหลือสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสด หรือลูกหนี้ได้เร็วเพียงใดหากอัตราส่วนสูงจะแสดงว่ามีของคงเหลือน้อย  อาจชี้ให้เห็นว่าสินค้าคงเหลืออาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ และหากอัตราส่วนต่ำจะแสดงว่าสินค้าคงเหลือมีอยู่มาก  ซึ่งอาจชี้ให้เห็นว่าสินค้าคงเหลือมีมากเกินไป

                สำหรับตัวอย่างของ  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด  อัตราส่วนนี้เป็นดังนี้

ก. อัตราส่วนหมุนเวียนของสินค้า                       =    ต้นทุนขาย                     =    ………ครั้ง

                                                              สินค้าคงเหลือถัวเฉลี่ย.

                        แทนค่า                           =   4,500,000

                                                               280,000+680,000

                                                                        2

                                                            =    9.37    ครั้ง

ข.  อายุเฉลี่ยของสินค้า                               =   360

                                                                 9.37

                                                            =    38.42  หรือ  39  วัน

ถ้าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรม            =    30  วัน (12  ครั้ง)

หมายเหตุ

            สินค้าคงเหลือถัวเฉลี่ย            =  สินค้าคงเหลือต้นปี + สินค้าคงเหลือปลายปี

                                                                                                2

            จากการคำนวณพบว่าบริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด มีอัตราส่วนการหมุนเวียนของสินค้าเท่ากับ 9.37  ครั้ง/ปี  หมายความว่าบริษัทจะต้องเก็บรักษาสินค้าคงคลังใช้เวลานาน 39  วันก่อนที่จะถูกขายออกไปในแต่ละครั้ง  เมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจทั่ว ๆ ไปในอุตสาหกรรมเดียวกันซึ่งมีอัตราการหมุนเวียนของสินค้าเท่ากับ 12  ครั้งต่อปี  หรือ  30  วันต่อครั้ง ซึ่งจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีสภาพคล่องต่ำกว่าธุรกิจอื่น ๆ ที่มีธุรกิจเหมือนกัน  ดังนั้นบริษัทควรจะต้องค้นหาสาเหตุและทำการปรับปรุงต่อไป

1.2         อัตราส่วนสภาพหนี้สิน (Debt  or  leverage Ratio)

  อัตราส่วนสภาพหนี้สินเป็นการวัดความสามารถในการชำระหนี้สินของธุรกิจเป็นการวิเคราะห์สภาพคล่องระยะยาวของธุรกิจ หรือความสามารถในการชำระหนี้ตามภาระผูกพันระยะยาวของธุรกิจ  อัตราส่วนที่ใช้ในการวิเคราะห์สภาพหนี้สินระยะยาวมีดังนี้

1.2.1 อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt  or Leverage Ratio) คืออัตราส่วนระหว่างหนี้สินทั้งหมดกับส่วนของผู้ถือหุ้น  อัตราส่วนนี้จะแสดงให้ทราบถึงเงินทุนที่ธุรกิจใช้ในการดำเนินงานของธุรกิจนั้น  ได้มาจากแหล่งภายนอกคือเจ้าหนี้  เป็นอัตราส่วนเท่าใดกับเงินที่มาจากแหล่งภายในคือ  ส่วนของผู้ถือหุ้น ถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่าใช้เงินทุนจากเจ้าหนี้มากกว่าเงินของเจ้าของธุรกิจจะมีความเสี่ยงทางการเงินสูง  โอกาสที่จะหาเงินทุนเพิ่มเติมจาเจ้าหนี้จะมีน้อยลง

สำหรับตัวอย่างของ  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด   อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น  เป็นดังนี้

Debt  or  leverage Ratio  =   หนี้สินทั้งหมด    ×  100  = ……….เท่า

                                    ส่วนของผู้ถือหุ้น

            แทนค่า                       =    700,000          ×   100

                                                  3,100,000

                                            =   22.58 %

ถ้าอัตราส่วนของอุตสาหกรรม  =   70 %

                จากการคำนวณพบว่า  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด   มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของเจ้าของเท่ากับ 22.58%  หมายความว่าเงินทุนที่ใช้ในการดำเนินกิจการจะมาจากแหล่งภายในคือส่วนของเจ้าของมากกว่าจากแหล่งภายนอก คือ  การกู้ยืม เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับธุรกิจทั่วไปในอุตสาหกรรมเดียวกัน บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด   มีความเสี่ยงทางด้านการเงินน้อยกว่าธุรกิจที่มีลักษณะเดียวกัน

1.2.2 อัตราหนี้สินต่อสินทรัพย์รวม (Total Debt to Total Assets)  คือ อัตราส่วนระหว่างหนี้สินกับสินทรัพย์โดยทั่วไปเรียกว่า  อัตราส่วนหนี้สิน (Debt  Ratio) ซึ่งจะแสดงความสัมพันธ์ของหนี้สินกับสินทรัพย์ของธุรกิจ  อัตราส่วนนี้จะแสดงให้ทราบว่าธุรกิจมีเงินลงทุนในสินทรัพย์ทั้งหมดมาจากหนี้สินเป็นอัตราส่วนเท่าใด  ถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่าเงินที่นำมาลงทุนในสินทรัพย์ส่วนมากมาจากการกู้ยืมซึ่งจะเป็นสิ่งบอกถึงความเสี่ยงทางด้านการเงิน

สำหรับตัวอย่างของ  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด   อัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์รวม  เป็นดังนี้

Total Debt to Total Assets  =  หนี้สินรวม    ×  100 =  ………..%

                                                สินทรัพย์รวม

แทนค่า                                 =   700,000    ×   100

                                                 3,800,000

                                             =   18.42 %

ถ้าอัตราส่วนของอุตสาหกรรม          =   35 %

จากการคำนวณพบว่า  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด  มีอัตราหนี้สินต่อสินทรัพย์รวมเท่ากับ  18.42%  หมายความว่า  เงินทุนที่นำมาลงทุนในสินทรัพย์ทั้งหมดมาจากการกู้ยืมน้อยกว่าธุรกิจโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมเดียวกัน โอกาสในการก่อหนี้เพิ่มของบริษัท ศิริพัฒนา  จำกัด     มีโอกาสที่จะก่อหนี้เพิ่มได้อีก  เพื่อนำมาลงทุนในสินทรัพย์

1.3         อัตราส่วนวัดความสามารถการหากำไร (Profitability Ratio)

อัตราส่วนวัดความสามารถการหากำไรเป็นการวัดความสามารถการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายได้เพียงใด อัตราส่วนความสามารถการหากำไรมีดังนี้ 

1.3.1  ความสามารถในการหากำไรขั้นต้น   คือ อัตราส่วนระหว่างกำไรขั้นต้นกับยอดขาย อัตราส่วนนี้จะแสดงให้เห็นว่าธุรกิจมีประสิทธิภาพในการบริหารงานด้านการขาย การจัดซื้อสินค้ามาเพื่อขายเป็นอย่างไร  หรือการจัดเตรียมวัตถุดิบเพื่อการผลิตมีประสิทธิภาพเพียงใด  เป็นต้น

สำหรับตัวอย่างของ  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด   ความสามารถในการหากำไรขั้นต้นเป็นดังนี้  

อัตรากำไรขั้นต้น   =    ขาย – ต้นทุนขาย    ×  100   = .......%

                                                ขายทั้งสิ้น

หรือ                              =    กำไรขั้นต้น    ×  100  

                                                        ขายทั้งสิ้น

                แทนค่า                           =   1,700,000      ×   100

      6,200,000

=    27.41%

ถ้าอัตราส่วนของอุตสาหกรรม   = 20%

            จากการคำนวณพบว่าบริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด มีการบริหารงานด้านราคาและการจัดซื้อสินค้ามาขายมีประสิทธิภาพ เช่น การขายสินค้าอาจจะได้ราคาสูง  หรือมีการจัดซื้อสินค้ามาขายได้ในราคาต่ำกว่าธุรกิจอื่นที่มีลักษณะเดียวกันจึงเป็นผลทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทสูงกว่าธุรกิจทั่ว ๆ ไปในอุตสาหกรรมเดียวกัน

            1.3.2 อัตรากำไรสุทธิ  (Net Profit Margin)  คืออัตราส่วนระหว่างกำไรสุทธิกับยอดขาย อัตราส่วนนี้จะแสดงให้ธุรกิจบริหารงานมีประสิทธิภาพเพียงใดและธุรกิจสามารถดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายของธุรกิจได้เพียงใด

            สำหรับตัวอย่างของ  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด    อัตรากำไรสุทธิ  เป็นดังนี้

            อัตรากำไรสุทธิ                  =  กำไรสุทธิหลังหักภาษี    × 100  = ........%

                                                            ขายทั้งสิ้น

            แทนค่า                                       =             210,000   ×  100

                                                                                                   6,200,000

                                                                                =      3.38 %

ถ้าอัตราส่วนของอุตสาหกรรม                          =   5%

                จาการคำนวณพบว่า บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด     บริหารงานบรรลุเป้าหมายน้อยกว่าธุรกิจอื่นโดยทั่วไปที่มีลักษณะเดียวกัน  ทั้ง ๆ ที่กำไรขั้นต้นมีอัตราที่สูงกว่าจะเป็นสิ่งแสดงให้บริษัททราบว่า  บริษัทมีรายจ่ายในการขายและบริหารสูงกว่าธุรกิจโดยทั่วไป  ดังนั้นบริษัท สิริพัฒนา จำกัด ควรต้องหาสาเหตุและแก้ไขสำหรับรายจ่ายในการขายและบริหารที่สูงกว่าธุรกิจอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน

1.3.3            อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น  คืออัตราส่วนระหว่างกำไรสุทธิหลังหักภาษี กับส่วนของผู้ถือหุ้น อัตราส่วนนี้จะแสดงให้ธุรกิจทราบว่า เงินทุนของธุรกิจจากส่วนของเจ้าของได้นำไปลงทุน  และได้บริหารการลงทุนเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจเป็นอย่างไร นั่นคือถ้าการบริหารงานมีประสิทธิภาพจะก่อให้เกิดกำไรสูง  และเปรียบเทียบให้เห็นถึงกำไรที่เกิดขึ้นจากทุนส่วนของเจ้าของ  ดังนั้นจะทราบได้ว่าเงินทุนของเจ้าของสามารถทำกำไรได้เท่าใด

สำหรับตัวอย่างของ  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด   อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นเป็นดังนี้

อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น   =  กำไรสุทธิหลังหักภาษี   ×   100 =…..%

                                                                                      ส่วนของผู้ถือหุ้นสามัญ

                        แทนค่า                           =    210,000    ×   100

                                                                  2,000,000

                                                            =   10.50 %

ถ้าอัตราส่วนของอุตสาหกรรม                             =  20%

            จากการคำนวณพบว่า  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด   ใช้เงินทุนส่วนของเจ้าของ  เพื่อให้เกิดประโยชน์คือ  กำไรต่ำกว่าธุรกิจโดยทั่ว ๆ ไปในอุตสาหกรรมเดียวกัน

            1.3.4อัตราผลตอบของการลงทุน  คือ อัตราส่วนระหว่างกำไรสุทธิหลังหักภาษีกับสินทรัพย์ที่มีตัวตนทั้งสิ้น

            สินทรัพย์ที่มีตัวตน  =   สินทรัพย์ทั้งสิ้น  -  สินทรัพย์ไม่มีตัวตน

            อัตราส่วนนี้จะแสดงให้ธุรกิจทราบว่าธุรกิจบริหารสินทรัพย์เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์คือกำไรมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร  ถ้าอัตราส่วนนี้มีค่าสูงแสดงว่าธุรกิจใช้สินทรัพย์เพื่อก่อให้เกิดกำไรมีประสิทธิภาพ

สำหรับตัวอย่างของ  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด   อัตราผลตอบแทนของการลงทุนเป็นดังนี้

อัตราผลตอบแทนของการลงทุน  =  กำไรสุทธิหลังหักภาษี   ×   100 =…..%

                                                                                  สินทรัพย์มีตัวตน

                        แทนค่า                           =    210,000    ×   100

                                                                  3,800,000

                                                            =   5.52 %

ถ้าอัตราส่วนของอุตสาหกรรม                             =  8%

            จากการคำนวณพบว่า  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด   บริหารสินทรัพย์ก่อให้เกิดกำไรต่ำกว่าธุรกิจทั่วๆ ไป ในอุตสาหกรรมเดียวกัน  ซึ่งอาจจะเกิดจากบริษัทมีสินทรัพย์มากเกินไปหรือสินทรัพย์บางประเภทไม่มีประสิทธิภาพ หรือบริษัทไม่ได้ใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่อย่างเต็มที่

            1.3.5 อัตราส่วนการหมุนเวียนของสินทรัพย์ คือ อัตราส่วนของยอดขายกับสินทรัพย์ที่มีตัวตนทั้งสิ้น  อัตราส่วนนี้จะแสดงให้ทราบว่าประสิทธิภาพของการใช้สินทรัพย์ของธุรกิจเป็นอย่างไร  มีสินทรัพย์สำหรับใช้ในการดำเนินงานมากเกินไปหรือไม่  ถ้าอัตราส่วนต่ำจะแสดงให้เห็นว่ามีการใช้สินทรัพย์ไม่มีประสิทธิภาพ  อาจเป็นสินทรัพย์ที่ใช้อยู่คุณภาพ หรือเกิดจากการใช้สินทรัพย์ไม่ถูกต้อง เป็นต้น

            สำหรับตัวอย่างของ  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด   อัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์เป็นดังนี้

อัตราส่วนการหมุนเวียนสินทรัพย์      =  ขายทั้งสิ้น  ×   100 =….ครั้ง

                                                                                   สินทรัพย์มีตัวตน

                        แทนค่า                           =    6,200,000    ×   100

                                                                  3,800,000

                                                            =   1.63  ครั้ง

ถ้าอัตราส่วนของอุตสาหกรรม                             =  1.80   ครั้ง

            จากการคำนวณพบว่า  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด   มีประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ไม่ดีเท่าธุรกิจโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมเดียวกัน  ซึ่งเป็นสิ่งแสดงให้ทราบว่าบริษัทใช้สินทรัพย์ในการดำเนินงานน้อยครั้งกว่าอาจเป็นเพราะบริษัทมีสินทรัพย์ที่ไม่มีคุณภาพ  หรือใช้ไม่ได้แล้วรวมอยู่ด้วยในมูลค่าสินทรัพย์ที่ปรากฏตามบัญชี  ดังนั้นบริษัทควรต้องตรวจสอบและแก้ไขต่อไป

            1.4 อัตราส่วนการวัดความสามารถในการชำระหนี้ ( Coverage  Ratio)

            การวัดความสามารถในการจ่ายชำระค่าใช้จ่ายประจำทางการเงิน  เช่น  ดอกเบี้ยจ่ายเงินปันผล เงินกองทุน  เป็นต้น  โดยทั่วไปธุรกิจจะต้องดำเนินงานให้คุ้มกับการจ่ายเงินตามภาระผูกพัน  และรายจ่ายต่าง ๆ ดังกล่าว ซึ่งหากมีกำไรมากจะเป็นสิ่งแสดงให้ทราบว่า  ธุรกิจสามารถจ่ายชำระค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น  การคำนวณหาอัตราส่วนวัดความสามารถในการชำระมีดังต่อไปนี้

            1.4.1 ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย  Earning  Before Interest and Tax = EBIT  คือ อัตราส่วนระหว่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ย และภาษีกับดอกเบี้ยจ่ายอัตราส่วนนี้จะแสดงให้ทราบว่าในงวดของการวิเคราะห์ธุรกิจสามารถทำกำไร ได้จากการดำเนินงานเป็นกี่เท่าของดอกเบี้ยจ่าย  อัตราส่วนนี้ยิ่งมีค่าสูงแสดงว่ามีความสามารถในการชำระภาระดอกเบี้ยได้สูงความเสี่ยงทางการเงิน จะต่ำลง

            สำหรับตัวอย่างของ  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด  สำหรับตัวอย่างของ  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด   เป็นดังนี้

            Earning  Before Interest and Tax       =  กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี

                                                                           ดอกเบี้ยจ่าย

                                                                                                  =      ………..เท่า

                                                                         =    370,000    

                                                                                  70,000

                                                                        =   5.28  เท่า

ถ้าอัตราส่วนของอุตสาหกรรม                      =     5.30  เท่า

จากการคำนวณพบว่า  บริษัท  ศิริพัฒนา  จำกัด  สามารถทำกำไรเป็น 5.28  เท่าของภาระดอกเบี้ยที่จ่ายให้บุคคลภายนอก  ซึ่งเป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระภาระดอกเบี้ยที่จ่ายให้บุคคลภายนอก  ซึ่งเป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระภาระดอกเบี้ยใกล้เคียงกับธุรกิจโดยทั่ว ๆ  ไปในอุตสาหกรรมเดียวกัน

1.4.2 อัตราส่วนแสดงความสามารถในการจ่ายค่าใช้จ่ายประจำ ( Fixed  Charge Coverage  Ratio)  คือ อัตราส่วนระหว่างกำไรก่อนดอกเบี้ยก่อนภาษีเงินได้ กับรายจ่ายที่กิจการต้องจ่ายตามข้อผูกพันทางการเงิน  เช่น  ดอกเบี้ยเงินต้นที่ครบกำหนด  เงินต้นที่ครบกำหนด เงินปันผล  กองทุนเพื่อไถ่ถอนหนี้  เป็นต้น  อัตราส่วนนี้จะแสดงให้ธุรกิจทราบว่าธุรกิจสามารถดำเนินงานให้เกิดกำไรคุ้มกับ ภาระรายจ่ายประจำเพียงใด

 Fixed  Charge Coverage  Ratio =  กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี

                                                ดอกเบี้ย  +  เงินต้น + เงินปันผล+เงินกองทุน

                                                                        (1-อัตราภาษีเงินได้)

.                                               = ...............เท่า

            การวิเคราะห์อัตราส่วนของเงินที่ได้กล่าวข้างต้น  เป็นการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินโดยเปรียบเทียบกับอัตราส่วนเฉลี่ยของอุตสาหกรรม  ทำให้ทราบผลการบริหารการเงินของธุรกิจว่าเป็นอย่างไร  เมื่อได้เปรียบเทียบธุรกิจโดยทั่วไป ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ยังมีการวิเคราะห์อีกลักษณะหนึ่งซึ่งสามารถเปรียบเทียบผลการบริหารทางการเงินของธุรกิจ ในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ กัน  โดยสามารถวิเคราะห์ผลในช่วงเวลาที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร  ธุรกิจ  ธุรกิจดีขึ้นหรือแย่ลงเพื่อจะได้ทำการแก้ไขต่อไป  ซึ่งการวิเคราะห์นั้นเรียกว่าการวิเคราะห์แนวโน้ม

2.การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis)

            การวิเคราะห์แนวโน้มโดยใช้อัตราส่วน  จะทำให้เห็นผลการดำเนินงานของกิจการแต่การวิเคราะห์โดยใช้อัตราส่วนไม่ได้คำนึงถึงเวลาเนื่องจากอัตราส่วนเป็นเรื่องของเวลา  เนื่องจากอัตราส่วนเป็นเพียงผลของการดำเนินงาน  ณ  วันใดวันหนึ่ง ถ้านำอัตราส่วนในระยะเวลาต่าง ๆ ของกิจการมาเปรียบเทียบกันเพื่อทำการวิเคราะห์เส้นแนวโน้ม โดยจะนำอัตราส่วนผลการดำเนินงานเฉลี่ยของอุตสาหกรรมมาเปรียบเทียบกับกิจการ  จะทำให้เห็นผลการดำเนินงานของกิจการได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่าง

                                                            2536    2537    2538    2539    2540

อัตราส่วนสภาพคล่องของบริการ                  3.5       3.0      2.8       2.5       1.5

อัตราส่วนสภาพคล่องของอุตสาหกรรม          2.3       2.1       1.9       2.3       2.7

อัตราส่วนสภาพคล่อง

                                               

            จากผลการดำเนินงานในระยะเวลาที่ผ่าน  จะเห็นได้ว่าสภาพคล่องของบริษัทมีสภาพคล่องสูงกว่าอุตสาหกรรมตั้งแต่ ปี 2536 – 2539  และได้ลดลงต่ำกว่า  อัตราส่วนของอุตสาหกรรมในปี 2540  และแนวโน้มต่ำลงในปี 2541  ซึ่งบริษัทอาจจะต้องประสบปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่องในอนาคต  ดังนั้นบริษัทจะต้องทำการแก้ไขเกี่ยวกับสภาพคล่องให้ดีกว่าปัจจุบัน

3. Common – Size Statement

            งบการเงินอาจทำให้ง่ายขึ้นโดยการเปลี่ยนแปลงสภาพจากรูปเงินตราให้มาอยุ่ในรูปเปอร์เซ็นต์  ความสำคัญของแต่ละประเภทหรือของแต่ละบัญชีจะแสดงให้เห็นชัดเมื่อแสดงในรูปของเปอร์เซ็นต์ดังต่อไปนี้

บริษัท  มารวย  จำกัด

งบกำไรขาดทุน

สำหรับปี  สิ้นสุด  31  ธันวาคม  2539 และ 2540

2539                        2540

                                                บาท                  บาท

ขายสุทธิ                                                             840,000             1,000,000

ต้นทุนขาย                                                           462,000               500,000

กำไรขั้นต้น                                                          378,000               500,000

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

            ค่าใช้จ่ายในการขาย                                   126,000               210,000

            ค่าใช้จ่ายในการบริหาร                               168,000               200,000

กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน                                                84,000                   90,000

รายได้อื่น                                                            …………                         6,000

กำไรก่อนหักภาษีเงินได้                                           84,000                              96,000

ภาษีเงินได้ 30%                                                                      25,200                   28,800

กำไรสุทธิ                                                                         58,800                              67,200

บริษัท  มารวย  จำกัด

งบกำไรขาดทุน

สำหรับปี  สิ้นสุด  31  ธันวาคม  2539 และ 2540

2539                                                                        2540

ขายสุทธิ                                                             100%                100%

ต้นทุนขาย                                                             55                    50     

กำไรขั้นต้น                                                            45                    50

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

            ค่าใช้จ่ายในการขาย                                     15                     21

            ค่าใช้จ่ายในการบริหาร                                 20                     20

กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน                                                 10                      9

รายได้อื่น                                                           

ดอกเบี้ยรับ                                                            0                       0.6

กำไรก่อนหักภาษีเงินได้                                            10                      9.6

ภาษีเงินได้                                                                               3                     2.88

กำไรสุทธิ                                                                           7                     6.72

3.1 งบกำไรขาดทุน            วิธีคำนวณยอดขายสุทธิจะให้เท่ากับ 100 % โดยที่ค่าใช้จ่ายแต่ละรายการและกำไรสุทธิ  จะเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อยอดขายสุทธิ เช่น

            ยอดขาย  840,000  บาท   เท่ากับ     100%

            ต้นทุนขาย  462,000  บาท  เท่ากับ  100× 462,000                  =          55%

                                                               840,000

            จากอัตราร้อยละของงบกำไรขาดทุนปี  2539  และปี 2540 พบว่ากำไรสุทธิปี 2540  เท่ากับ 6.72 % เมื่อเทียบกับยอดขาย  ในขณะที่กำไรขั้นต้นมีจำนวน 50% ของยอดขายเนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงมากถึง 41% ของยอดขาย

            เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน  บริษัทมีกำไรขั้นต้นเพียง  45% ของยอดขายแต่มีผลกำไรสุงกว่าปี 2540  เนื่องจากในปีก่อนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำเพียง  35% ของยอดขายท่านั้น

            ดังนั้นถ้าบริษัทต้องการเพิ่มกำไรสุทธิ  ต้องหาทางลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงเช่นเดียวกับที่ลดต้นทุนขายลงได้ในปี 2540

            3.2  งบดุล   วีคำนวรสินทรัพย์แต่ละรายการในงบดุลจะแสดงเป็นร้อยละต่อสินทรัพย์ทั้งสิ้น  และรายการทางด้านหนี้สินและส่วนของเจ้าของแต่ละรายการเป็นร้อยละต่อหนี้สิน  และส่วนของเจ้าของทั้งสิ้น เช่น

            สินทรัพย์ทั้งสิ้น     6,480,250        บาท      เท่ากับ   100%

                เงินสด                               180,700        บาท      เท่ากับ   100×180,700

                                                                                                     6,480,250

                                                                                                                เท่ากับ               2.8 %

                หนี้สินและส่วนของเจ้าของทั้งสิ้น       6,480,250  บาท    เท่ากับ  100%

                เจ้าหนี้                            1,204,800   บาท    เท่ากับ  100×1,204,800

                                                                                         6,480,250

                                                                        =     18.6 %

บริษัท  มารวย  จำกัด

งบดุล

ณ  31  ธันวาคม  2539 และ 2540

2539                        2540

บาท                  บาท

สินทรัพย์

สินทรัพย์หมุนเวียน

เงินสด                                                                                     336,550            180,700

ลูกหนี้                                                                                     865,400             1,417,650

สินค้าคงเหลือ

วัตถุดิบ                                                                   456,150            610,250

สินค้าสำเร็จรูป                                                       925,450             1,292,250

ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า                                                              19,650                 14,350

สินทรัพย์หมุนเวียนทั้งสิ้น                                                                      2,630,200         3,515,200

เครื่องจักร(สุทธิ)                                                                                   1,940,150                2,965,050

สินทรัพย์ทั้งสิ้น                                                                                       4,570,350                6,480,250

           

            หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

หนี้สินหมุนเวียน

            เจ้าหนี้                                                                                       732,500                 1,204,800

            ตั๋วเงินจ่าย                                                                                  25,000                      50,000

            หนี้สินหมุนเวียนอื่น ๆ                                                            584,850                 1,340,150

หนี้สินหมุนเวียนทั้งสิ้น                                                                          1,342,350                2,594,950

ตั๋วเงินจ่าย (ครบกำหนด ปี 2543)                                                        500,000                1,000,000

ส่วนของผู้ถือหุ้น

            ทุนหุ้นสามัญ @ 10  บาท                                                        250,000                   250,000

            ส่วนเกินหุ้นสามัญ                                                                  1,750,000                1,750,000

            กำไรสะสม                                                                                 728,000                   885,300

หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น                                          4,570,350               6,480,250

บริษัท  มารวย  จำกัด

งบดุล

ณ  31  ธันวาคม  2539 และ 2540

2539                        2540     (บาท)

สินทรัพย์

สินทรัพย์หมุนเวียน

เงินสด                                                                                     7.4%                    2.8%

ลูกหนี้                                                                                     18.9                   21.9

สินค้าคงเหลือ

วัตถุดิบ                                                                   10.0                  9.4

สินค้าสำเร็จรูป                                                       20.8                 19.9

ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า                                                            0.4                    0.2

สินทรัพย์หมุนเวียนทั้งสิ้น                                                                      57.5                 54.2

เครื่องจักร(สุทธิ)                                                                                   42.5                   45.8

สินทรัพย์ทั้งสิ้น                                                                                       100.0%                    100.0%

            หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

หนี้สินหมุนเวียน

            เจ้าหนี้                                                                                       16.0                       18.6

            ตั๋วเงินจ่าย                                                                                  0.5                        0.8

            หนี้สินหมุนเวียนอื่น ๆ                                                          12.8                          20.7

หนี้สินหมุนเวียนทั้งสิ้น                                                                          29.3                         40.1

ตั๋วเงินจ่าย (ครบกำหนด ปี 2543)                                                     10.9                         15.4

ส่วนของผู้ถือหุ้น

            ทุนหุ้นสามัญ @ 10  บาท                                                     5.5                          3.9

            ส่วนเกินหุ้นสามัญ                                                                  38.4                         27.0

            กำไรสะสม                                                                              15.9                          13.6

หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น                                          100.0%                    100.0%

                จากอัตราร้อยละของงบดุลปี 2539และปี 2540  พบว่าลูกหนี้มีอัตราเพิ่มขึ้นจาก 18.9 % ในปี 2539 เป็น 21.9% ในปี 2540  เงินสดมีอัตราลดลงจาก 7.4% .ในปี 2539 เหลือ 2.8% ในปี 2540  ตลอดจนสินค้าคงเหลือลดลงจากปี 2539  เมื่อเปรียบเทียบยอดสินทรัพย์หมุนเวียนทั้งสิ้นลดลงแสดงว่าความคล่องตัวทางด้านการเงินของบริษัทในปี 2540  มีน้อยกว่าปี 2539 หนี้สินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจาก 29.3% ในปี 2539 เพิ่มขึ้น 40.1% ตลอดจนหนี้สินระยะยาวได้เพิ่มขึ้นเช่นกันจาก 10.9%  ในปี 2539 เป็น 15.4%  ในปี 2540  ในทางตรงข้ามส่วนของผู้ถือหุ้นกลับลดลง